fbpx

KLONGTOM HERITAGE

เปิดตัวโครงการ “คลองท่อมเฮอริเทจ” จ.กระบี่ มูลค่า 13,700 ล้านบาท ชูมหัศจรรย์น้ำพุร้อนเค็ม

คลองท่อมเฮอริเทจชูจุดขายความมหัศจรรย์จากทรัพย์ใต้ดิน “น้ำพุร้อนเค็ม”ค่าแร่ธาตุสูงที่สุดต่อยอดด้วยการนำมาออกแบบเป็นโปรแกรมการฟื้นฟูสุขภาพร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่เป็นแห่งแรกในโลก พ่วงบริการมาตรฐานระดับสากล ช่วยฟื้นฟูและบำบัดผู้มีปัญหา รวมถึงผู้รักสุขภาพแบบครบวงจร พร้อมเปิดรับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติร่วมปั้นโครงการมูลค่า 13,700 ล้านบาท เพื่อเป็น Word Health Destination แห่งใหม่
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท คลองท่อมเฮอริเทจ จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อพูดถึงกระบี่สิ่งแรกที่ผู้คนนึกถึงมักจะเป็นทะเลที่สวยงาม แต่แท้จริงแล้วกระบี่ยังมีเพชรยอดมงกุฎจากทรัพย์ใต้ดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนั่นก็คือ “น้ำพุร้อนเค็ม” เพราะแร่ธาตุและอุณหภูมิของน้ำพุร้อนเค็ม อำเภอคลองท่อม มีคุณสมบัติโดดเด่น ซึ่งเกิดจากน้ำทะเลที่ซึมลงชั้นใต้ดิน ผ่านชั้นหิน ในระดับความลึกที่มีแร่ธาตุมากมาย รสชาติน้ำไม่เค็มเหมือนน้ำทะเล แต่มีรสชาติเหมือนน้ำเกลืออ่อนๆ และไม่มีกลิ่นกำมะถันที่แรงเกินไป มีแร่ธาตุหลักคือ โซเดียม คลอไรด์ และแร่ธาตุอื่น ๆ อย่าง
ซิลิก้า โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาร์บอเนต โดยมีค่าแร่ธาตุรวมที่มีประโยชน์หรือ TDS อยู่ที่ 11,690 ในปริมาณที่สูงกว่าค่ามาตรฐานทั่วไปที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ระดับ 1,000 – 2,000 เท่านั้น ซึ่งน้ำพุร้อนเค็มที่คลองท่อมมีคุณสมบัติช่วยเรื่องการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดความดันโลหิต ลดการอักเสบของข้อ เบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบประสาท การย่อย และโรคทางผิวหนัง ปัจจุบันได้เริ่มมีแพทย์ทางเลือกนำน้ำพุร้อนเค็มมาช่วยเสริมการแพทย์สมัยใหม่ โดยมีนักกายภาพ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และแพทย์เฉพาะทางมาออกแบบการรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ กันมากขึ้น โดยที่โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ (Klongtom Heritage) ถือเป็นแห่งแรกที่นำน้ำพุร้อนเค็มมาออกแบบเป็นโปรแกรมการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพด้วยศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีการผนวกเข้ากับการบริการด้านเวลเนสมาตรฐานสากลเต็มรูปแบบ
“การใช้น้ำพุร้อนเค็มที่คลองท่อมแต่เดิมเป็นวิถีชุมชนแบบดั้งเดิม คือ การลงอาบแช่ในบ่อตามธรรมชาติ ที่มีความเชื่อปากต่อปากว่าสามารถป้องกันและรักษาโรคได้ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมากถึงปีละกว่า 100,000 คน และต่อมาทางภาครัฐได้เข้ามาช่วยบริหารจัดการให้การอาบแช่มีมาตรฐานมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังมองหาการอาบแช่ที่สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น จุดนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการคลองท่อม เฮอริเทจ (Klongtom Heritage) บนพื้นที่ประมาณ 300 ไร่ โดยนำคุณประโยชน์อันมหาศาลของน้ำพุร้อนเค็มมาต่อยอดประยุกต์ใช้ร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่ ผนวกกับการบริการมาตรฐานระดับโลก เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและบำบัดผู้ที่มีปัญหา รวมถึงคนทั่วไปที่สนใจรักษาสุขภาพและต้องการใช้ชีวิตอย่างสมดุล มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายเพิ่มยิ่งขึ้น อีกทั้งการออกแบบองค์ประกอบอื่น ๆ ภายในโครงการยังถูกสร้างขึ้นด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อจะรักษาความอุดมสมบูรณ์ และบริหารทรัพย์ในดินให้อยู่เคียงคู่กับชุมชน โดยมีเป้าหมายให้โครงการคลองท่อมเฮอริเทจเป็นเมืองแห่งสุขภาพระดับโลกสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และทำให้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กลายเป็นจุดหมายใหม่ของ World Health Destination”
แนวคิดหลักของโครงการเริ่มจาก DNA คือ Health Community และ Sustainability เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่อยากให้ทุกคนมีสุขภาพและสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน โดยเรากำลังพัฒนาการวางผังโครงการ และแบ่งโซนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนผู้ป่วย โซนคนพึ่งพา โซนคนไม่ต้องพึ่งพา โซนคนวัยเกษียณ หรือโซนคนก่อนเกษียณ โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 10 โซน ได้แก่
  • Community Market
  • Hotel
  • Town Center
  • Sport Enhancement
  • Spa Medical
  • Agriculture
  • Branded Residences
  • Resort Residences
  • Amataya Residence
  • Amataya Rehabilitation Hospital
ทั้งนี้ ทั้ง 10 โซนนี้จะแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 6 เฟส ดังนี้ เฟส 1 ได้แก่ส่วนของ Amataya Wellness ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนย่อย คือ Amataya Rehabilitation Hospital/Amataya Holistic Treatment และ Amataya Residence เริ่มเปิดให้บริการเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับเฟส 2 จะเป็นส่วนของ Community Market/Hotel/Town Center เปิดให้บริการปี 2024 ตามด้วยเฟส 3 คือ Spa Medical เปิดให้บริการปี 2025 เฟส 4 เป็น Branded Residences เปิดให้บริการปี 2026 ส่วนเฟส 5 จะเป็น
Sport Enhancement เปิดให้บริการปี 2027 และเฟส 6 ได้แก่โซน Resort Residences เปิดให้ บริการปี 2028 ซึ่งจะเป็นปีเดียวกับที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Phuket Expo 2028 ที่กำหนดให้เป็นงานใหญ่ด้านเวลเนสของโลกที่จะมีผู้เข้าร่วมงานมาจากทั่วทุกมุมโลก
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 10 โซนและ 6 เฟสนี้ ทางคลองท่อมเฮอริเทจยังยินดีเปิดรับทั้ง Investors และ Operators ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ ความสามารถ และเป็นผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ทางด้านสุขภาพ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกับเรามาร่วมพัฒนาและปักหมุดให้พื้นที่แห่งนี้มีกิจกรรมรองรับผู้รักสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อให้กลายเป็นเมืองสุขภาพระดับโลกไปด้วยกัน

“Amataya Wellness ในเฟส 1 ที่จะเปิดให้บริการกลางปีนี้ถือเป็นหัวรถจักรสำคัญของโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ ที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำพุร้อนเค็มอย่างชัดเจนก่อนที่โครงการในเฟสอื่น ๆ จะทยอยตามมา เพราะเรามีทั้งโรงพยาบาลกายภาพบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยโรคสโตรก และการให้บริการด้วยการดูแลแบบองค์รวมสำหรับผู้รักสุขภาพโดยใช้น้ำพุร้อนเค็ม อีกทั้งยังมีโครงการที่พักอาศัยที่ออกแบบผสมผสานการใช้ชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติมาพร้อมกับบ่อน้ำพุร้อนเค็มทุกหลัง เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้คุณได้ทุกวัน โดยเรามีพันธมิตรที่ดีอย่างโรงพยาบาลทีอาร์พีเอช (TRPH) โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง Ishii และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Bangkok Healthcare Service (BHS) เข้ามาช่วยบริหารจัดการในส่วนนี้ เมื่อเปิดให้บริการแล้วผมมั่นใจว่าภาพของ จ.กระบี่ จะเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ได้อย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น” นายวิชัยกล่าว

นายวิชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ติด 1 ใน 5 ของโลก มูลค่าตลาดของ Wellness Tourism ของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าในปี 2565 หลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย จะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งกลุ่ม Medical Tourism และ Health and Wellness Tourism มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ครั้ง ดังนั้นการส่งเสริมและขยายการท่องเที่ยวในกลุ่มนี้จะเป็นส่วนที่สร้างรายได้ให้มีเสถียรภาพ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับนานาชาติได้อย่างแน่นอน